วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การจัดทำโครงการและแผนการสอน

การจัดทำโครงการและแผนการสอน

การวางแผนการสอน เป็นภารกิจสำคัญของครูผู้สอน ทำให้ผู้สอนทราบล่วงหน้าว่าจะสอนอะไร เพื่อจุดประสงค์ใด สอนอย่างใด ใช้สื่ออะไร และวัดผลประเมินผลโดยวิธีใดเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอน การที่ผู้สอนได้วางแผนการสอนอย่างถูกต้องตามหลักการย่อมช่วยให้เกิดความมั่นใจในการสอน ทำให้สอนได้ครอบคลุมเนื้อหา สอนอย่างมีแนวทางและมีเป้าหมาย และเป็นการสอนที่ให้คุณค่าแก่ผู้เรียน ดังนั้น ผู้สอนจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญ ลักษณะ ขั้นตอนการจัดทำและหลักการวางแผนการสอน ตลอดจนลักษณะของแผนการสอนที่ดี เพื่อส่งผลให้การเรียนการสอนดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความหมายของการวางแผนการสอน
การวางแผนการสอนเป็นการจัดวางโปรแกรมการสอนทั้งหมดในวิชาใดวิชาหนึ่งไว้ล่วงหน้า เพื่อช่วยให้ครูผู้สอนได้จัดดำเนินกระบวนการเรียนการสอนให้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรที่วางไว้ ดังนั้นในแผนการสอนจะต้องประกอบไปด้วยรายละเอียดตามที่หลักสูตรกำหนดไว้ เช่น มีจุดประสงค์ความคิดรวบยอด/หลักการ เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน การวัดผล/ประเมินผล และจำนวนคาบเวลาที่ใช้สอน ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องจัดรวมไว้อย่างมีระบบระเบียบในแผนการสอน

การวางแผนการสอนเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนสอน เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจปัญหาการสำรวจทรัพยากรการวิเคราะห์เนื้อหาการวิเคราะห์ผู้เรียนการกำหนดมโนมติ วัตถุประสงค์ กิจกรรมการเรียน สื่อการสอน และการประเมินผล แล้วเขียนแผนออกมาในรูปของแผนการสอน

การวางแผนการสอน คือกิจกรรมในการคิดและการทำของครูก่อนที่จะเริ่มดำเนินการสอนวิชาใดวิชาหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วยการกำหนดจุดมุ่งหมาย การคัดเลือกเนื้อหา การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน การเลือกตำรา เอกสาร อุปกรณ์ การประเมินผล และการพิมพ์ประมวลการสอนรายวิชา
จากความหมายดังกล่าวข้างต้นพิจารณาได้ว่า เป็นความหมายที่อธิบายถึงกิจกรรมและข้อมูลที่จะต้องใช้ในการวางแผนการสอน จึงสรุปความหมายได้ว่าการวางแผนการสอน คือ การเตรียมการสอนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ล่วงหน้า เพื่อเป็นแนวทางการสอนสำหรับครู อันจะช่วยให้การเรียนการสอนบรรลุจุดประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลที่ผู้สอนต้องเตรียมในการวางแผนการสอน ได้แก่
1. การกำหนดจุดประสงค์
2. การคัดเลือกเนื้อหา
3. การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน
4. การเลือกสื่อการเรียนการสอน
5. การวัดผลประเมินผล ผู้สอนควรได้จัดเตรียมข้อมูลเหล่านี้อย่างสอดคล้องต่อเนื่องกัน เพื่อประโยชน์ในการนำไปปฏิบัติจริง

ความสำคัญของการวางแผนการสอน

1. ทำให้ผู้สอนสอนด้วยความมั่นใจ เมื่อเกิดความมั่นใจในการสอนย่อมจะสอนด้วยความแคล่วคล่อง เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด เพราะได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว การสอนก็จะดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางอย่างสมบูรณ์

2. ทำให้เป็นการสอนที่มีคุณค่าคุ้มกับเวลาที่ผ่านไป เพราะผู้สอนสอนอย่างมีแผน มีเป้าหมาย และมีทิศทางในการสอน มิใช่สอนอย่างเลื่อนลอย ผู้เรียนก็จะได้รับความรู้ ความคิด เกิดเจตคติ เกิดทักษะ และเกิดประสบการณ์ใหม่ตามที่ผู้สอนวางแผนไว้

3. ทำให้เป็นการสอนที่ตรงตามหลักสูตร ทั้งนี้เพราะในการวางแผนการสอน ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรทั้งด้านจุดประสงค์การสอนเนื้อหาสาระที่จะสอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อการสอน และการวัดผลประเมินผล แล้วจัดทำออกมาเป็นแผนการสอน เมื่อผู้สอนสอนตามแผนการสอน ก็ย่อมทำให้เป็นการสอนที่ตรงตามจุดหมายและทิศทางของหลักสูตร

4. ทำให้การสอนบรรลุผลอย่างมีประสิทธิภาพ ดีกว่าการสอนที่ไม่มีการวางแผนเนื่องจากในการวางแผนการสอนผู้สอนต้องวางแผนอย่างรอบคอบในทุกองค์ประกอบของการสอน รวมทั้งการจัดเวลา สถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งจะเอื้ออำนวยให้เกิดการเรียนรู้ได้โดยสะดวกและง่ายดายขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการวางแผนการสอนที่รอบคอบและปฏิบัติตามแผนการสอนที่วางไว้ ผลของการสอนย่อมสำเร็จได้ดีกว่าการไม่ได้วางแผนการสอน

5. ทำให้ผู้สอนมีเอกสารเตือนความจำ สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางในการสอนต่อไป ทำให้ไม่เกิดความซ้ำซ้อนและเป็นแนวทางในการทบทวนหรือการออกข้อทดสอบเพื่อวัดผลประเมินผผู้เรียนได้ นอกจากนี้ทำให้ผู้สอนมีเอกสารไว้ให้แนวทางแก่ผู้ที่เข้าสอนแทนในกรณีจำเป็น เมื่อผู้สอนไม่สามารถเข้าสอนเองได้ ผู้เรียนจะได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ต่อเนื่องกัน

6. ทำให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน ทั้งนี้เพราะผู้สอน สอนด้วยความพร้อม เป็นความพร้อมทั้งทางด้านจิตใจ และความพร้อมทางด้านวัตถุ ความพร้อมทางด้านจิตใจคือความมั่นใจในการสอน เพราะผู้สอนได้เตรียมการสอนมาอย่างรอบคอบ ส่วนความพร้อมทางด้านวัตถุคือ การที่ผู้สอนได้เตรียมเอกสารหรือสื่อการสอนไว้อย่างพร้อมเพียง เมื่อผู้สอนเกิดความพร้อมในการสอน ย่อมสอนด้วยความกระจ่างแจ้ง ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนในบทเรียน อันส่งผลให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน

ลักษณะการวางแผนการสอน
การวางแผนการสอนทำให้ผู้สอนได้ทราบว่าจะต้องสอนอะไร สอนอย่างไร สอนเมื่อใด ใช้เวลาเท่าใด ใช้อะไรประกอบการสอนบ้าง และวัดผลประเมินผลอย่างไร ดังนั้นในการวางแผนการสอนเพื่อให้ได้ทราบข้อมูลดังกล่าว จึงต้องจัดทำเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่

ขั้นตอนที่ 1. จัดทำเป็นกำหนดการสอน
ขั้นตอนที่ 2. จัดทำเป็นแผนการสอน

ในขั้นแรกผู้สอนต้องจัดทำกำหนดการสอนก่อน โดยวิเคราะห์เนื้อหาสาระจากคำอธิบายรายวิชา เมื่อจัดทำกำหนดการสอนแล้ว จึงนำกำหนดการสอนมาเป็นแนวทางการจัดทำแผนการสอน ดังนั้นผู้สอนจึงควรได้ทราบลักษณะของกำหนดการสอน และแผนการสอนซึ่งมีดังนี้

กำหนดการสอน
กำหนดการสอนเป็นเอกสารสำคัญที่ครูทุกคนจะต้องใช้เป็นหลักในการวางแผนการสอน จัดเป็นการวางแผนการสอนระยะยาวตลอดภาคเรียน หรือตลอดปีการศึกษาโดยไม่มีรายละเอียดมากนัก

ความหมายของกำหนดการสอนหรือโครงการสอน
กำหนดการสอน คือ แผนงานการสอนหรือโครงการสอน ที่จัดทำขึ้นจากหลักสูตรและคู่มือครู หรือแนวการสอนของกรมวิชาการ โดยกำหนดเนื้อหาสาระสำคัญ จำนวนคาบ เวลาและสัปดาห์ที่สอนไว้ตลอดภาคเรียน หรือตลอดปีการศึกษาทำให้ผู้สอนได้ทราบว่าตลอดภาคเรียนนั้น ในแต่ละสัปดาห์จะต้องสอนเนื้อหาใดบ้าง จัดกิจกรรมข้อใดและในเวลากี่คาบ

ความสำคัญของกำหนดการสอน
กำหนดการสอนเป็นการวางแผนระยะยาว ซึ่งจำเป็นต้องจัดทำให้เสร็จก่อนเริ่มเปิดภาคเรียนหรือปีการศึกษาใหม่ เพราะกำหนดการสอนมีความสำคัญ ดังต่อไปนี้

1. เป็นแนวทางในการทำแผนการสอนของครู กล่าวคือ การจัดทำแผนการสอนจำเป็นต้องดูกำหนดการสอนเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะกำหนดการสอนจะบ่งให้ทราบว่า ในแต่ละวันของสัปดาห์จะต้องสอนเนื้อหาใด กิจกรรมข้อใด ผู้สอนก็จะทำแผนการสอนของเนื้อหาที่จะสอนในแต่ละวันแต่ละวันแต่ละวิชาได้ถูกต้องตรงกันกับกำหนดการสอน
2. ทำให้ครูได้เห็นแผนงานการสอนระยะยาว ได้ทราบเนื้อหาที่จะต้องสอนตลอดภาคเรียนนั้นเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมตัวและการวางแผนทำงานตลอดภาคเรียนหรือตลอดปีการศึกษา
3. เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายวิชาการและฝ่ายบริหารของโรงเรียนในการวางแผนงานบริหารด้าน วิชาการของโรงเรียน เช่น การวางแผนจัดทำตารางสอน จัดครูเข้าสอน จัดเตรียมเอกสาร จัดเตรียมวันสอบกลางภาค สอบปลายภาค จัดเตรียมสื่อการสอน เตรียมห้องสมุด เตรียมห้องเรียน เตรียมการใช้อาคารสถานที่ต่าง ๆ เป็นต้น

แผนการสอน

เมื่อผู้สอนทำกำหนดการสอนเสร็จแล้ว ก็จะนำมาเป็นกำหนดการเขียนแผนการสอน โดยเขียนรายละเอียดของการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในแต่ละสัปดาห์ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อนำไปใช้จริง ผู้สอนจึงควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายและองค์ประกอบของแผนการสอน

แผนการสอน คือ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อการสอน การวัดผลประเมินผลให้สอดคล้องกับเนื้อหาและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในหลักสูตร การนำวิชาหรือกลุ่มประสบการณ์ที่จะต้องทำการสอนตลอดภาคเรียนมาสร้างเป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การใช้สื่อ อุปกรณ์การสอน และการวัดผลประเมินผล โดยจัดเนื้อหาสาระและจุดประสงค์การเรียนย่อยๆ ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือจุดเน้นของหลักสูตร สภาพของผู้เรียน ความพร้อมของโรงเรียนในด้านวัสดุอุปกรณ์ และตรงกับชีวิตจริงในห้องเรียน


ความสำคัญของแผนการสอน

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ผลของการปฏิบัติภารกิจต่างๆ จะดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนเป็นสำคัญ ถ้ามีการวางแผนดีผลที่ได้รับมักสำเร็จลงด้วยดีเสมอ ดังนั้นนักบริหารและบุคคลต่างๆ ที่ ได้รับความสำเร็จในอาชีพของตน มักมีการเตรียมการล่วงหน้าหรือวางแผนกันอย่างรอบคอบ ในเรื่องของกระบวนการเรียนการสอนก็เช่นกัน ครูที่ดีจะต้องสละทั้งเวลา กำลังกาย กำลังใจ และกำลังความคิด เพื่อวางแผนก่อนสอนและเตรียมบทเรียนแต่ละบทอย่างรอบคอบ ไม่ว่าบทเรียนนั้นจะใช้เวลาในการสอนเพียงชั่วโมงเดียว หรือหลายชั่วโมง ทั้งนี้เพราะการทำแผนการสอนนั้นเพื่อต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้

ครูที่ใช้แผนการสอนซึ่งได้ตระเตรียมไว้แล้วอย่างรอบคอบและรัดกุม ย่อมจะมีผลทำให้กระบวนการเรียนการสอนเป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ของหลักสูตร และการสอน เป็นไปตามกำหนดระยะเวลา ในทางตรงกันข้ามกับครูที่สอนโดยไม่มีแผนการสอน การสอนจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของบทเรียน ผู้เรียนมักไม่เกิดการเรียนรู้ การสอนมักไม่เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาและไม่ทันตามหลักสูตร

องค์ประกอบของแผนการสอน
1. กำหนดวัตถุประสงค์ของบทเรียน
2. พิจารณาเนื้อหาวิชา
3. เลือกวิธีสอนที่เหมาะสม (กิจกรรมการเรียนการสอน)
4. กำหนดรูปแบบของแผนการสอน
5. เรียงลำดับบทเรียน
6. เลือกหลักฐานสนับสนุนที่เหมาะสม
7. เตรียมการนำเข้าสู่บทเรียนและการลงท้ายบทเรียน
8. เตรียมโครงร่างครั้งสุดท้าย
9. การวัดและการประเมินผล


1. กำหนดวัตถุประสงค์ของบทเรียน

การเขียนวัตถุประสงค์ของบทเรียนประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ประการคือ
- เน้นตัวผู้เรียน คือ สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
พุทธิพิสัย (Cognitive) คือ จุดประสงค์ที่เน้นความสามารถทางสมอง (Head) ความรู้ใน
เนื้อหา และ ทฤษฎี
ทักษะพิสัย (Skill) คือ จุดประสงค์ที่เน้นความสามารถทางปฏิบัติ (Hand)
จิตพิสัย (Affective) คือ จุดประสงค์ที่เน้นคุณธรรม และจิตใจ (Heart
- บอกระดับการเรียนรู้ (รู้ เข้าใจ นำไปใช้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือประเมินค่า)
- บอกเรื่องที่จะสอน โดยบอกให้ชัดเจนถึงเรื่องที่จะสอนในครั้งนั้นหรือชั่วโมงนั้น
- กำหนดความมุ่งประสงค์ ให้บอกว่าในการสอนบทเรียนครั้งนั้นมีความ
มุ่งประสงค์ อย่างไร
กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ทำไมผู้เรียนจึงต้องเรียนรู้บทเรียนนั้น หรือเรียนรู้บทเรียนนั้น เพื่อประโยชน์อะไร

2. พิจารณาเนื้อหาวิชา
หลังจากที่ครูได้เขียนหรือเตรียมวัตถุประสงค์ของบทเรียนที่จะสอน ต่อจากนั้นครูก็เริ่มพิจารณาเนื้อหาวิชาว่าจะต้องสอนกี่หัวข้อ และเตรียมหารายละเอียดของเนื้อหาวิชาก่อน แล้วจึงจะเขียนวัตถุประสงค์ของบทเรียนที่ถูกต้อง ในการพิจารณาเนื้อหาวิชาที่จะนำมาใช้สอนนั้น จะต้องคำนึงถึงว่ามันสัมพันธ์หรือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือไม่ ก่อนอื่นครูจะต้องพิจารณาเองเสียก่อนว่า มีความรู้ในเรื่องที่จะสอนเพียงใด จากการสำรวจตนเองแล้วนั้น จะเป็นเครื่องชี้บ่งว่าครูควรจะต้องค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมอะไรอีกบ้าง แต่ก็มีข้อควรระลึกถึงอยู่เสมอก็คือ เรื่องคุณภาพ ต้องพิจารณาถึงความถูกต้อง ความทันสมัย ความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนความสัมพันธ์ของเนื้อหาวิชา เช่น การที่ครูอ้างอิงเอกสารตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๐ มาอภิปรายหรือใช้สอนในปัจจุบัน ครูต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าเนื้อหาวิชาเรื่องนั้นได้มีการค้นคว้าเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างใดบ้างหรือไม่ อาจจะมีเอกสารอ้างอิงพิมพ์ออกมาใหม่ๆ อีกก็ได้


3. เลือกวิธีสอนที่เหมาะสม(กิจกรรมการเรียนการสอน) ที่เหมาะสม

ในกระบวนการเลือกวิธีสอน มีปัจจัยสำคัญ ๆ ที่จะต้องพิจารณาประกอบดังนี้.
สิ่งที่กำหนดให้ผู้เรียนเรียนรู้ ไม่ว่าจะเลือกวิธีสอนแบบใด ครูต้องไม่ลืมว่า อะไรคือสิ่งที่ครูต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการสอนครั้งนั้น ซึ่งจะเป็นเครื่องเตือนครูให้เลือกวิธีสอนได้เหมาะสม

กิจกรรมที่ผู้เรียนยอมรับหรือสามารถปฏิบัติได้ กิจกรรมที่ครูให้ผู้เรียนกระทำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ดี ดังนั้นครูต้องพิจารณาว่ากิจกรรมนั้นเป็นที่ยอมรับหรือผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้หรือไม่

วิธีสอนที่เหมาะสม การที่จะกล่าวว่าวิธีสอนใดเป็นวิธีสอนที่เหมาะสมนั้น มีข้อพิจารณาดังนี้
- เหมาะสมกับผู้สอน - เหมาะสมกับเวลาและอุปกรณ์การสอน
- เหมาะสมกับเนื้อหาวิชา - ให้ประสบการณ์ที่มีความหมายแก่ผู้เรียน
- เหมาะสมกับผู้เรียน

ครูควรพิจารณาถึงกิจกรรมที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบัติเป็นสำคัญ เพราะต้องการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มิใช่สอนตามใจครู สิ่งที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้นี้จะเป็นเครื่องกำหนดวิธีสอนว่า ครูควรจะเลือกวิธีสอนวิธีใด บทบาทของครูจึงมีหน้าที่เลือกกิจกรรมที่เป็นผลให้เกิดประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่มีความหมายแก่ผู้เรียน


4. กำหนดรูปแบบของแผนการสอน
การวางแผนการสอนที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อระบบการสอนทั้งมวล จะเป็นเครื่องช่วยให้การสอนมีคุณค่าและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ครูที่มีประสบการณ์ในการสอน จะใช้แผนการสอนที่เขียนไว้แล้วนั้นเพื่อ
จุดประสงค์หลายประการด้วยกัน

- แผนการสอนจะเป็นจุดสำรวจเพื่อเป็นหลักประกันว่าได้ดำเนินการสอนไปตามแผนที่วางไว้และได้ผลดีหรือไม่
- ได้จัดประสบการณ์ในการเรียนรู้ไว้ดีเพียงใด ใช้เป็นแนวทางในขณะทำการสอนด้วยตนเอง
- ใช้เป็นคู่มือหรือแนวทางให้แก่ครูคนอื่นที่อาจจะต้องมาทำการสอนแทนในกรณีฉุกเฉินหรือเจ็บป่วย
- แผนการสอนยังเป็นเครื่องบันทึกเทคนิคและวิธีสอนของครูด้วย
- ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนากิจกรรมการเรียนการสอนแต่ละขั้นตอนของครูนั่นเอง

การกำหนดเนื้อหาและรูปแบบของแผนการสอนนั้น เราจะพบว่าเนื้อหาและรูปแบบของแผนการสอนของแต่ละสถาบัน ย่อมจะแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของผู้บริหารหรือของสถาบันนั้น อย่างไรก็ตามนักการศึกษาทั่วไปมีความเห็นว่า แผนการสอนที่ดีควรจะต้องประกอบด้วยลักษณะที่จำเป็น ที่จะเขียนไว้ประจำตามรายการต่อไปนี้

ส่วนประกอบหลัก
ข้อความ
ส่วนที่ ๑ แผ่นปก
- หลักสูตร ชั้น ชื่อบทเรียน
- ชื่อครู
- วิธีสอน
- วัตถุประสงค์ของบทเรียน
- หัวข้อการสอนที่สำคัญหรือขั้นตอนการการปฏิบัติ
- หลักฐานอ้างอิง
- อุปกรณ์การสอน
- เอกสารแจกจ่าย
ส่วนที่ ๒ การสอน
- โครงร่างของเนื้อหา
- วิธีการถ่ายทอด
- การใช้อุปกรณ์การสอน
- ข้อวิจารณ์แผนการสอนหลังจากสอบแล้ว
ส่วนที่ ๓ การประเมินผล
- ข้อสอบ
- บันทึกผลการทำข้อสอบของผู้เรียน
- การวิเคราะห์ทางสถิติ
- บันทึกเกี่ยวกับการปรับปรุงข้อสอบ
ส่วนที่ ๔ เอกสารและอุปกรณ์ที่ใช้
- คู่มือหรือเอกสารแจกจ่าย
- การบ้าน (งานมอบ)
- การอ่านหนังสือล่วงหน้า (งานมอบ)
- เอกสารสนับสนุน
- อุปกรณ์การสอนที่ใช้
- ตำราที่ใช้

5. เรียงลำดับบทเรียน

หลังจากที่ได้ค้นคว้าวิจัยเนื้อหาวิชาที่จะสอน เลือกวิธีสอนที่เหมาะสมและกำหนดรูปแบบแผนการสอนที่จะใช้เสร็จแล้วขั้นต่อไปคือ การเรียงลำดับบทเรียนหรือเรียบเรียงเนื้อหาวิชา บทเรียนส่วนมากจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ การนำเข้าสู่บทเรียน เนื้อหาวิชา และการลงท้ายบทเรียน บทเรียน โดยทั่วไปครูควรจะเตรียมเนื้อหาวิชาของบทเรียน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญเสียก่อน ส่วนการนำเข้าสู่บทเรียนและการลงท้ายบทเรียนนั้นให้เตรียมภายหลัง ซึ่งกระทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า ข้อควรพิจารณาประการแรกในการเรียบเรียงเนื้อหาวิชา คือควรให้สอดคล้องสัมพันธ์กัน นอกจากนั้นการเรียงลำดับหัวข้อย่อยก็มีความสำคัญเช่นกัน การเรียงลำดับเนื้อหาวิชาและหัวข้อย่อยที่ดีจะช่วยให้ผู้เรียนจดจำเนื้อหาของบทเรียนได้ดี ถ้าไม่ถือเอาความยาวของบทเรียนเป็นสำคัญแล้ว แผนการสอนส่วนใหญ่ในบทเรียนหนึ่งจะแบ่งออกเป็น ๒ - ๕ เนื้อหาวิชา โดยทั่วไปการเรียงลำดับบทเรียนหรือเนื้อหาวิชานั้น เรียงลำดับได้หลายแบบต่างๆ กัน เช่น แบบตามลำดับเวลา แบบตามลำดับสถานที่แบบปัญหาและการแก้ไข แบบเหตุและผล แบบข้อดี - ข้อเสีย หรือแบบตามลำดับหัวข้อสำคัญ เป็นต้น

6. เลือกหลักฐานสนับสนุนที่เหมาะสม

หลักฐานสนับสนุนคือเครื่องมือสำหรับขยายให้ชัดเจน พิสูจน์ แสดง เน้นให้เห็นความสำคัญ และเพิ่มเติมสิ่งที่จำเป็นในเรื่องที่ครูกำลังสอน หลักฐานสนับสนุนในการสอนแบ่งได้ ๗ ประเภท คือ

1. คำจำกัดความ (Definitions) ในการสอนบางครั้งครูต้องใช้ศัพท์เฉพาะทางวิชาการ ศัพท์บางคำอาจมีความหมายหลายความหมาย หรือคำย่อต่างๆ อาจจำเป็นจะต้องอธิบายความหมาย หรือคำจำกัดความของศัพท์เสียก่อน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถูกต้องตามหลักวิชานั้นๆ

2. ตัวอย่าง (Examples)
- ตัวอย่างสั้น เวลาครูจะใช้ควรใช้หลายๆ ตัวอย่าง เพื่อเน้นให้เข้าใจได้ดี และไม่เข้าใจผิดว่าเป็นกรณีเดียว
- ตัวอย่างยาว คือ ตัวอย่างที่ขยายความยาวออกไปในรายละเอียด ตัวอย่างนี้อาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรืออาจสร้างขึ้นเอง โดยครูก็ได้ยกตัวอย่างยาวที่เห็นได้ชัดก็คือ นิทานต่างๆ เช่น นิทานอิสป หรือชาดกในพุทธศาสนา

3. การเปรียบเทียบ (Comparisons) การเปรียบเทียบเสมือนหนึ่งสะพานที่ครูทอดให้นักเรียนเดินจากสิ่งที่นักเรียนรู้แล้วไปยังสิ่งที่ไม่รู้


การเปรียบเทียบที่เป็นเรื่องจริงมี 2 อย่าง

- การเปรียบเทียบสิ่งของหรือเหตุการณ์ที่คล้ายกัน เช่น เปรียบเทียบกองทัพสหรัฐกับกองทัพ โซเวียต เครื่องพิมพ์ดีดโอลิมเปียกับพิมพ์ดีดเรมิงตัน
- การเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่างกัน เช่น เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างลัทธิสังคมนิยมกับประชาธิปไตย
การเปรียบเทียบที่แต่งขึ้นเอง มีประโยชน์ในการต่อเติมเสริมแต่งการพูดหรือการสอนให้ออกรสยิ่งขึ้น มี 2 อย่างคือ
- การเปรียบเทียบอย่างสั้น (Metaphors) เรามักเรียกกันว่าอุปมาอุปมัย เช่น ตัวเธอช่างเบาเหมือนขนนก, ทหารระดมยิงราวกับห่าฝน, ขี่ช้างจับตั๊กแตน, งมเข็มในมหาสมุทร
- การเปรียบเทียบอย่างยาว เป็นการเปรียบเทียบเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับเรื่องที่ครูกำลังสอน เช่น "ถ้าจะพูดถึงความงามของนางก็เกรงว่าถ้อยคำของข้าพเจ้าอาจหาญอยู่สักหน่อย เพราะถ้าจะกล่าวให้ท่านรู้สึกซึมซาบได้ดั่งหลับตาเห็น ข้าพเจ้าจะต้องเป็นมหากวีภารตเสียก่อน และถึงมีความสามารถปานนั้น ท่านก็จะเห็นความงามได้เพียงรางๆ เท่านั้น"

4. สถิติ (Statistics) คือ ระบบรวบรวมสิ่งของหรือเหตุการณ์หลายๆ สิ่ง หรือหลายเหตุการณ์ ถ้าหากมีการรวบรวมและนำมาใช้ประโยชน์อย่างฉลาดแล้ว จะมีประโยชน์มากในการสนับสนุนการสอนของครู สถิติจะมีคุณค่าอย่างไรขึ้นอยู่กับที่มาของข้อมูลสถิตินั้น ฉะนั้นการกล่าวอ้างสถิติควรแจ้งให้นักเรียนทราบและควรแปลความหมายหรือตีความสถิตินั้นๆ เสียก่อน

5. การกล่าวอ้างคำพูดข้อเขียน (Testimony) เป็นการนำเอาคำพูด ข้อเขียนของบุคคลสำคัญต่างๆ มาประกอบเข้ากันกับเรื่องที่ครูสอน การนำคำพูดหรือข้อเขียนควรจะอยู่ในเกณฑ์
- เป็นข้อความสั้น ๆ ถ้าเป็นข้อความที่ยาวเกินไปควรย่อให้สั้น แต่ต้องคงใจความไว้
- เข้ากับเรื่องที่ครูกำลังสอนหรือจะสอนต่อไป
- ควรเป็นของบุคคลสำคัญ บุคคลน่าเชื่อถือ บุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป

6. อุปกรณ์การสอน (Visual Support) อุปกรณ์การสอนมีมากมาย เช่น ของจริง หุ่นจำลอง ชาร์ท กร๊าฟ รูปภาพ สไลด์ ฯลฯ ซึ่งครูจะเลือกนำไปใช้ได้ตามความเหมาะสม การใช้อุปกรณ์การสอนมีหลักการกว้าง ๆ เช่น

- ต้องแน่ใจว่าอุปกรณ์นั้นมีขนาด เหมาะสม นักเรียนมองเห็นได้อย่างทั่วถึง
- ขณะสอน ครูต้องสอนให้นักเรียนดูอุปกรณ์การสอน มิใช่ครูดูเสียเอง
- เมื่อจะใช้จึงนำมาใช้ ถ้าเลิกใช้ก็เก็บให้เรียบร้อย
- อุปกรณ์ต้องชัดเจน
- ครูต้องเข้าใจอุปกรณ์ของตนเป็นอย่างดี อุปกรณ์ต้องไม่ซับซ้อนดูเข้าใจง่าย
- ถ้าจะใช้พวกเครื่องฉายภาพ ควรเตรียมคนไว้ฉาย ครูจะได้ไม่ต้องเสียเวลา
- อุปกรณ์การสอนเป็นเครื่องช่วยสอนเท่านั้น ฉะนั้นอย่าให้อุปกรณ์การสอนเป็นครูสอนเสียเอง
- สิ่งที่ปรากฏบนอุปกรณ์ต้องถูกต้อง แน่นอน
- ถ้ามีหนังสือประกอบ ครูต้องอธิบายไม่ใช่อ่าน

7. เตรียมการนำเข้าสู่บทเรียนและการลงท้ายบทเรียน

เมื่อเวลาเข้าไปทำการสอนจริงๆ ครูจะเริ่มต้นและลงท้ายบทเรียนอย่างไรจึงจะเหมาะสม ถ้าบทเรียนนั้นเป็นบทเรียนที่ต้องเรียนติดต่อกันหลายตอน และบทเรียนที่จะสอนครั้งนั้นไม่เป็นตอนแรก ครูอาจจะพิจารณาใช้การกล่าวขั้นต้นหรือการนำเข้าสู่บทเรียนมีน้อยกว่าปกติ และถ้ามีบทเรียนอื่นๆ ตามมาในตอนเดียวกัน ครูก็ไม่จำเป็นจะต้องกล่าวลงท้ายบทเรียนอย่างกว้างขวางมากนัก แต่ถ้าเป็นบทเรียนเดียวไม่ต่อเนื่องกับวิชาอื่น หรือชั่วโมงอื่น ครูจำเป็นต้องให้ความสนใจในการเตรียมการ กล่าวนำเข้าสู่บทเรียน และการลงท้ายบทเรียนเป็นพิเศษ
การนำเข้าสู่บทเรียน แบ่งออกเป็น ๓ ขั้น คือ.
- ขั้นเรียกความสนใจ
- ขั้นกระตุ้นให้อยากเรียน
- ขั้นบอกเนื้อหาวิชา

1. ขั้นเรียกความสนใจ
ครูอาจจะเรียกความสนใจได้หลายวิธีด้วยกัน โดยการนำเอาทักษะการนำเข้าสู่บทเรียนที่ได้ศึกษามาแล้วมาใช้ ในการนำเข้าสู่บทเรียนควรใช้สิ่งที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะกระตุ้นและเร้าใจผู้เรียนได้ดีกว่าสิ่งที่เป็นนามธรรม และควรจะต้องให้สอดคล้องกับบทเรียนที่จะสอนด้วย ในขั้นนี้ผู้เรียนจะได้ทราบว่าใน ชม.นี้ครูจะสอนเรื่องอะไร โดยครูจะเป็นผู้บอกชื่อเรื่องหรือบทเรียนที่จะสอน และครูควรจะใช้สื่อประกอบการบอกชื่อเรื่องหรือบทเรียนด้วย เพื่อทำให้ผู้เรียนได้ทราบอย่างชัดเจน

2. ขั้นกระตุ้นให้อยากเรียน
ในขั้นกระตุ้นให้อยากเรียนนี้ ครูก็ควรบอกผู้เรียนให้ทราบถึงความมุ่งประสงค์ของบทเรียน คือประโยชน์ทางตรง ที่ผู้เรียนจะได้รับหลังจากครูจบการเรียนการสอนใน ชม.นี้ นอกจากนั้น ครูควรจะต้องบอกผู้เรียนให้ทราบถึงประโยชน์ทางอ้อมของบทเรียนที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้นอกเหนือจากประโยชน์ทางตรง


3. ขั้นบอกเนื้อหาวิชา
เมื่อผู้เรียนได้ทราบแนวทางในการเรียนการสอน ในตอนท้ายของขั้นกระตุ้นให้อยากเรียนแล้ว ต่อไปครูควรจะต้องบอกว่าเรื่องที่จะนำมาสอนในครั้งนี้ เนื้อหาวิชามีอะไรบ้าง ในการบอกเนื้อหาวิชาแต่ละหัวข้อนั้น ครูควรบอกอย่างชัดเจน ควรใช้สื่อประกอบการบอกเนื้อหาวิชา และควรเน้นสาระสำคัญของเนื้อหาวิชาแต่ละข้อ เช่น ขยายความแต่ละเนื้อหาวิชาอย่างย่อๆ เพื่อชวนให้ผู้เรียนอยากติดตามในรายละเอียดต่อไป
การลงท้ายบทเรียน
การลงท้ายบทเรียนที่ดี จะติดตรึงอยู่ในความทรงจำหรือประทับใจผู้เรียนได้นาน ครูจึงควรเตรียมการลงท้ายบทเรียนล่วงหน้าด้วยความระมัดระวัง การลงท้ายบทเรียนนั้นมีความสำคัญอยู่แล้ว ถ้าครูพยายามใช้ให้มีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการเรียนรู้อย่างยิ่ง การลงท้ายบทเรียนประกอบด้วย 3 ขั้นคือ
สรุปบทเรียน, ขั้นกระตุ้นซ้ำ, ขั้นจบบทเรียน

1. สรุปบทเรียน
รวบรวมใจความหรือเนื้อเรื่องที่สำคัญๆ ที่ครูต้องการจะให้ผู้เรียนรู้เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจบทเรียนตามลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องและสมบูรณ์ขึ้น โดยทั่วๆ ไปการสรุปบทเรียนจะทำหลังจากที่ครูสอนจบบทเรียนแล้ว ซึ่งโดยทั่วไปมักทำกันอยู่ 2 แบบ คือ
- การสรุปเรื่องหรือใจความที่สำคัญเข้าด้วยกันเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างถูกต้อง และสมบูรณ์ขึ้น ตลอดจนเป็นการเชื่อมความรู้เก่ากับใหม่เข้าด้วยกัน
- การสรุปแนวความคิดเห็นของผู้เรียนที่เกี่ยวกับการเรียนในแง่ที่เกี่ยวกับความสำเร็จในการเรียน ตลอดจนปัญหาหรืออุปสรรคที่ประสบในการเรียน เพื่อจะได้เป็นแนวทางให้ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าต่อไป
ลักษณะของการสรุปบทเรียนอาจจะสรุปได้ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามที่ครูเห็นว่าเหมาะสม เช่น ครูสรุปเอง ผู้เรียนช่วยกันสรุป หรือครูถามคำถามเพื่อให้ ผู้เรียนตอบเพื่อเป็นการสรุป เป็นต้น

2. ขั้นกระตุ้นซ้ำ
อันที่จริงครูที่ดีจะต้องกระตุ้นให้ผู้เรียนสนใจหรือติดตามการเรียนการสอนของครูอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ขั้นกระตุ้นซ้ำเป็นโอกาสสุดท้ายของครูที่จะเน้นย้ำให้ผู้เรียนได้เห็นประโยชน์ของบทเรียนตามความมุ่งประสงค์ของบทเรียนที่ได้กำหนดไว้นอกจากนั้นครูจะต้องเน้นย้ำให้ผู้เรียนทราบถึง
ประโยชน์ทางอ้อมของบทเรียน ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ ขณะเดียวกันครูควรใช้ทักษะการเสริมกำลังใจ เพื่อให้ ผู้เรียนเห็นว่า เรื่องที่ได้เรียนไปแล้วนั้นเป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถทำได้ เป็นต้น ต่อไปครูควรบอกแนวทางการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หากผู้เรียนสนใจที่จะค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองหรือหาความชำนาญเพิ่มขึ้น

3. ขั้นจบบทเรียน
การจบบทเรียนที่ดีนั้น ควรให้สอดคล้อง นุ่มนวล และสร้างสรรค์กับเรื่องที่สอน และเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด และสับสน สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ในการจบบทเรียน ชวนให้ประทับอยู่ในความทรงจำ ซึ่งจะช่วยเสริมให้ผู้เรียนจดจำบทเรียนนี้ได้ดีขึ้น การจบบทเรียนที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ คำประพันธ์ สุภาษิต คำคม คำพูด หรือประโยคคำถามที่จะมีเนื้อความเกี่ยวกับเนื้อเรื่องโดยตรง หรือเป็นคำพูดที่มีความหมายในเชิงท้าทาย ให้ผู้ฟังเก็บไปคิดเป็นการบ้านหรือทำให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ ยากที่จะลืมเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง


8. การเตรียมโครงร่างครั้งสุดท้าย
หลังจากที่ได้พิจารณาเนื้อหาวิชา เลือกวิธีสอนที่เหมาะสม กำหนดรูปแบบของแผนการสอนที่จะใช้ จัดเรียงลำดับเนื้อหาวิชา เลือกหลักฐานสนับสนุนและได้ตกลงใจว่าจะนำเข้าสู่บทเรียนด้วยวิธีใดแล้ว ครูก็พร้อมที่จะเตรียมเขียนแผนการสอนได้แล้ว ครูอาจจะเตรียมเขียนแผนการสอนทั้งสองแบบ แบบแรกจะเป็นแบบที่สมบูรณ์ชนิดที่ใช้เป็นต้นฉบับได้ เนื่องจากอาจจะต้องกลับมาสอนอีกในหลายสัปดาห์ หลายเดือนต่อมา หรือในกรณีที่มีกิจธุระจำเป็นมาสอนไม่ได้ เมื่อครูอื่นมาสอนแทน จะได้ใช้แผนการสอนนี้ได้ ส่วนอีกแบบหนึ่งเป็นแบบสั้นๆ อาจจะยาวเพียงหน้ากระดาษเดียว หรืออาจจะเขียนในกระดาษแผ่นเล็กๆ ซึ่งครูสามารถนำติดตัวเข้าไปในชั้นเรียน และใช้เป็นแนวสอนได้ ซึ่งเป็นโครงร่างของแผนการสอนแบบสั้นๆ แบบนี้ นี้ถือเป็นเสมือนโครงร่างข้อความสำคัญ ซึ่งในโครงร่างแบบนี้จะมีเฉพาะถ้อยคำที่สำคัญๆ ซึ่งจะช่วยเตือนครูให้ระลึกถึงเนื้อหาวิชาของบทเรียน


9. การประเมินผล
การตรวจสอบว่าผู้เรียนมีพฤติกรรม หรือลักษณะพึงประสงค์ ตามจุดประสงค์การเรียนรู้มากน้อยเพียงใด บรรลุผลตามวัตถุประสงค์และเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้แต่ต้นหรือไม่ และระดับใด

**ในส่วนของตัวอย่างจะนำไปให้ดูในคาบนะครับเพื่อนๆ เพราะตัวอย่างมันเยอะมาก

45 ความคิดเห็น:

  1. ดิฉันสนใจประเด็นที่ว่า การวางแผนการสอน เป็นภารกิจสำคัญของครูผู้สอน ทำให้ผู้สอนทราบล่วงหน้าว่าจะสอนอะไร เพื่อจุดประสงค์ใด สอนอย่างใด ใช้สื่ออะไร และวัดผลประเมินผลโดยวิธีใด

    การวางแผนการสอนที่ดีจะทำให้ผู้สอนมีแนวทางการปฏิบัติการสอนไม่นอกเรื่องหรือว่ามีการเรียนการสอนที่ยืดเยื้อ ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการเรียนการสอน เช่น อาจจะสอนไม่ทันตามกำหนด หรือ ผู้เรียนเรียนรู้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

    สิริญญา ทิพย์ชาญ G3
    50410908 เลขที่ 28

    ตอบลบ
  2. ในแง่ของความสำคัญในการวางแผนการสอน

    ที่ทำให้เป็นผู้สอนสามารถจัดการเรียนการสอนได้ตรงตามหลักสูตร ย่อมทำให้เป็นการสอนที่ตรงตามกับจุดมุ่งหมายและทิศทางของหลักสูตร อีกทั้งยังสามารถจัดการเรียนการสอนได้สอดคล้องกับการพัฒนาการของเด็กในแต่ละวัยได้อย่างเหมาะสม เพราะว่าในหลักสูตรจะกำหนดเนื้อหาหรือความรู้ที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ของผู้เรียนไว้อย่างดีและเป็นระบบเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดความรู้ของผู้เรียนต่อไปในอนาคต และเพื่อให้ผู้สอนได้ดำเนินกิจกรรมการสอนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อที่จะทำให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ที่เหมาะสมและสมวัยมากที่สุด



    นางสาวอัจฉริยา บุญยืน
    รหัส 50411349 G5

    ตอบลบ
  3. สนใจประเด็นที่ว่า การวางแผนการสอนเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนสอน เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ เพราะถ้าไม่วางแผนการสอนก็จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการสอนไปได้อย่างราบรื่น เน้อหาที่สอนจะวกไปวนมาหรือสอนเนื้อหาไม่ครบตามแผนการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการสอนให้มีประสิทธิภาพที่ดีด้วย

    นางสาวเอมาพร หวลหอม
    รหัส 50411356 G3

    ตอบลบ
  4. การกำหนดจุดประสงค์ของบทเรียน เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะเป็นเหมือนแนวทางในการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหานั้นๆ ทำให้ผู้เรียนรู้แนวทางว่าจะเรียนอะไรบ้าง มีเป้าหมายที่ชัดเจน เวลาเรียนจริงๆจะทำให้ไม่หลุดออกนอกกรอบไป แล้วก็คิดว่าจุดประสงค์การเรียนรู้ควรที่จะเน้นในด้านปฏิบัติ เพราะถ้าผู้เรียนหลังจากเรียนไปแล้วสามารถปฏิบัติและประยุกต์ ใช้ได้จริงตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ ก็จะแสดงให้ว่าผู้เรียนมีความรู้และเข้าใจในด้านนั้นๆจริงจึงสามมารถปฏิบัติได้ จึงจัดว่าการเรียนรู้นั้นประสบความสำเร็จตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้จริง........



    นางสาวนัดดา เก๊าทอง
    ID.50411257 G6

    ตอบลบ
  5. "แผนการสอนที่ดีจะทำให้ผู้สอนสอนได้ดีหรือไม่ "
    ไม่จำเป็นเสมอไปว่าการวางแผนหรือการเขียนแผนการสอนที่ดีนั้นจะทำให้ผู้สอน สอนได้ดี แผนการสอนเป็นการลำดับแรกของการเตรียมการสอน ว่าเรามีเป้าประสงค์อะไร เนื้อหา กิจกรรมอะไร ที่จะสอนผู้เรียน รวมทั้งการประเมินผลการเรียนเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามเป้าประสงค์ที่เราได้ตั้งไว้ แต่หากขาดการเตรียมตัวที่ดี แม้ว่าแผนการสอนจะดีแค่ไหน ก็ทำให้การเรียนการสอนนั้นล้มเหลวได้ ดังนั้นเราควรที่จะให้ความสำคัญในการเตรียมการสอนหน้าห้องเรียนมากๆด้วย เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะทำให้เราดำเนินการสอนไปตามแผนการสอนได้ตามจุดประสงค์ ทำให้ผู้เรียนมีความมั่นใจ ในตัวผู้สอน และเรียนด้วยความเข้าใจ


    นางสาวชุติมา ลัดนอก
    Id 50411240 G6

    ตอบลบ
  6. ดีมากครับเนื้อหาค่อนข้างครอบคลุม แต่ยังมีบางส่วนที่สำคัญที่ขาดหายไป แล้วไปเจอกันในห้องเรียน

    ตอบลบ
  7. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  8. การเตรียมนำเข้าสู่บทเรียนและลงท้ายบทเรียน
    การเริ่มต้นนำเข้าสู่บทเรียนที่น่าสนใจ เป็นการเรียกความสนใจของผู้เรียน ช่วยทำให้มีความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเรียนมากขึ้น และทำให้ผู้เรียนรู้ถึงจุดประสงค์ในการเรียนบทเรียนนี้


    นางสาวกรรณิกา ค่วงคำ
    50411202 G7

    ตอบลบ
  9. การจัดทำแผนการสอน หรือ การจัดทำกิจกรรมการเรียนรู้นั้น ครูควรยึดตามแนว พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมวดที่ 4 เรื่อง
    แนวการจัดการศึกษา ซึ่งทุกมาตราป็นการจัีดการศึกษาที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ในที่นี้ดิฉันคิดว่า..ผู้สอนควรสอบถามความคิดเห็น ความต้องการของผู้เรียนก่อนจัดทำแผนก็จะดีมาก และนำความคิดเห็นดังกล่าวไปเป็นแนวทางในการจัดทำแผนการสอนและนำไปบูรณาการกับเนื้อหาของผู้สอนที่ได้เตรียมไว้เบื้องต้นบ้างแล้ว...เพื่อสร้างความสุขแก่ตัวผู้เรียนและตัวผู้สอนเอง(สรุป..ผู้เรียนควรมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการสอน)


    นางสาว พัสตราภรณ์ คำจันทร์ รหัส 50411288 (G 7)

    ตอบลบ
  10. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  11. จากบทความข้างต้น ประเด็นที่ผมสนใจคือ

    การจะรู้ว่าแผนการสอนนี้ดีหรือไม่ หรือประสบผลสำเร็จหรือไม่
    สิ่งที่สำคัญที่สุดหรือสิ่งที่สามารถบอกเรา คือ วัตถุประสงค์ และ การวัดการประเมินผล เพราะ ถ้าการเรียนการเรียนสามารถประเมินออกมาว่าได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ที่ตั้งไว้แสดงว่า แผนการสอนที่สร้างขึ้นมานี้ "ประสบผลสำเร็จ"

    นายพลวิชญ์ วัยวุฒิ 50410694 (G1)

    ตอบลบ
  12. การจะทำงานอะไรให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องมีการวางแผนให้ดีเสียก่อนแล้วจึงปฏิบัติตามแผนนั้นๆ เช่นเดียวกันกับการสอน จะต้องมีแผนการสอน เพื่อให้การสอนมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน สามารถจัดกิจกรรมและการจัดเตรียมสื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหา เป็นการเตรียมความพร้อมของครูก่อนสอน เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

    G1 นางสาวสุพรรษา สิงห์พุฒ 50410960

    ตอบลบ
  13. "กิจกรรมที่ผู้เรียนยอมรับหรือสามารถปฏิบัติได้ กิจกรรมที่ครูให้ผู้เรียนกระทำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ได้ดี ดังนั้นครูต้องพิจารณาว่ากิจกรรมนั้นเป็นที่ยอมรับหรือผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้หรือไม่"


    ~~!จากข้อความข้างบน ดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการเรียนที่เกิดจากความสนใจของผู้เรียนจะเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด แต่มีอีกกรณีล่ะ ถ้าเกิดผู้สอนไม่ถามความสมัครใจ หรือความสนใจของผู้เรียนล่ะ สั่งๆๆ ให้ทำโน่นทำนี่ หรือไม่ถามความคิดเห็นของผู้เรียนว่าอยากเรียนรึป่าว สนใจทำกิจกรรมรึป่าว แบบนี้เกิดขึ้นแล้วยังจะเรียกว่ายึดผู้เรียนเป็นสำคัญอยู่รึป่าวค่ะ รึว่ายึดเฉพาะในตัวหนังสือเท่านั้น ว่าเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ น่าจะเป็นเน้นผู้สอนเป็นสำคัญมากกว่า เป็นแบบนี้แล้วความรู้รู้ก็คงไม่เกิดเต็มที่ เพราะผู้เรียนไม่ได้สนใจ ไม่อยากทำ ถึงทำออกมาก็ไม่ดีเต็มที่ ~~ !


    นางสาวอลิษา หาดนิล 50411332 (G5) ค่ะ

    ตอบลบ
  14. แผนการสอน ทำให้เรารู้ว่าเราจะสอน ไปในทิศทางไหน

    เป็นเหมือนเข็มทิศให้เรา ถ้าเขียนแผนได้ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
    แต่จากที่ฟังๆประสบการณ์จากรุ่นพี่ สอนจริง ไม่ค่อยได้ตามแผนเท่าไหร่
    สถานการณ์จริงอะไรก็เกิดขึ้นได้ ครูจึงควรฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วย

    ตอบลบ
  15. แผนการสอน ทำให้เรารู้ว่าเราจะสอน ไปในทิศทางไหน

    เป็นเหมือนเข็มทิศให้เรา ถ้าเขียนแผนได้ดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
    แต่จากที่ฟังๆประสบการณ์จากรุ่นพี่ สอนจริง ไม่ค่อยได้ตามแผนเท่าไหร่
    สถานการณ์จริงอะไรก็เกิดขึ้นได้ ครูจึงควรฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วย


    รัชนี นันทา 50410786 (G5)

    ตอบลบ
  16. พูดถึงภาพรวมการจัดทำแผนการสอนขึ้น เป็นสิ่งที่ดีมาสำหรับตัวครูผู้สอนโดยตรง เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้และเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดตากรอบของเนื้อหาของรายวิชานั้น ๆ จึงเป็นสิ่งที่ดีมากที่ครูทุกคนจะต้องทำแผนการสอนขึ้นมาใช้


    50410670 พงษ์ศักดิ์ วิมุติ G6

    ตอบลบ
  17. การวางแผนล่วงหน้าเพื่อเตรียมการสอน เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทราบสิ่งที่จะสอน และสอนด้วยการใช้สื่อใดๆ อย่างมีแบบแผน และเป็นกระบวนการ

    ตอบลบ
  18. แผนการสอนทำให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน

    ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เพราะการที่จะสร้างให้นักเรียนเกิดเจตคติที่ดีต่อครูผู้สอนและต่อวิชาที่เรียนนั้นต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายด้าน เช่น เทคนิควิธีการสอนวิธีการถ่ายทอดองค์ความรู้ของครูแก่นักเรียน บุคลิกภาพของครูผู้สอนเอง

    น.ส.สุมิตรา อันทะปัญญา
    50411325 G7

    ตอบลบ
  19. การเตรียมแผนการสอนล่วงหน้า เป็นความรับผิดชอบของครูที่ควรทำด้วยความตั้งใจ เพื่อ ผลสัมฤทธิ์ ที่ออกมาจะได้ ตรงตามวัตถุประสงค์
    และเป็นการป้องกันปัญหา การสอนแบบไร้ทิศทาง


    รัชนี นันทา 50410786 G5

    ตอบลบ
  20. เลือกวิธีสอนที่เหมาะสม(กิจกรรมการเรียนการสอน)
    ครูจะต้องคำนึ่งถึงว่าผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้และเกิดการเรียนรู้ กิจกรรมจะต้องเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจและแปลกใหม่กับผู้เรียนอยู่เสมอ ทำให้ผู้เรียนเกิดความไม่น่าเบื่อ อยากที่จะเรียนและต้องเหมาะสมในด้านต่าง ๆ ด้วย


    นางสาวยุพาวดี มหาหิง
    G5 ID 50410779

    ตอบลบ
  21. ^^ หากไม่มีแผนการสอนก็เหมือนกับไม่มีเข็มทิศในการเดินทางที่ไปสู่จุดหมายปลายทาง ดังนั้น ครูทุกคนจึงจำเป็นจะต้องมีแผนการสอนกันทุกคน และต้องเขียนด้วยตัวเองเป็นด้วย เมื่อมีแผนแล้วผู้สอนก็จะเกิดความมั่นใจในการสอน เพราะได้วางแผนมาก่อนล่วงหน้า แต่ถ้าเกิดบางกรณีที่ผู้เรียนอาจจะรู้ แต่ผู้สอนยังไม่รู้ ผู้สอนเองไม่ควรที่จะตอบไปมั่วๆๆ เพราะถ้าหากผิดขึ้นมา จะทำให้ความศรัทธาในตัวผู้เรียนที่มีต่อครูผู้สอนลดน้อยลงอย่างแน่นอน ฉะนั้นควรตอบว่า เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาให้วันหลัง...จะดีกว่า

    นางสาวอลิษา หาดนิล 50411332 (G5) ค่ะ

    ตอบลบ
  22. การเป็นครูที่ดีนั้นนะครับผมว่าควรจะมีการวางแผนการดำเนินการอยู่ตลอดเวลา คือการมีการวางเป้าหมายกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน ดังนั้นในเรื่องที่เพื่อนpostไว้นะครับคือการจัดเตรียมแผนการสอนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับครูมากๆเพราะจะเป็นแนวทางให้ครูมีเป้าหมายการเรียนการสอน และการจัดกิจกรรมที่มีประสิทธผลมากที่สุด

    ตอบลบ
  23. ในความคิดของผม ถึงครูมีความรู้มีความสามารถอย่างสุดยอดเลย แต่หากไม่มีแผนในการสอน ก็ประสบความสำเร็จได้ยาก ฉะนั้นครูต้องมีการเตรียมแผนการสอน และที่สำคัญ ต้องเหมาะสมกับผู้เรียนด้วย
    ต้องมีกำหนดวัตถุประสงค์ที่ดี และครูต้องมีการเตรียมเนื้อหาในการสอน
    เหมือนกับการออกรบ ถ้าไม่วางแผนก่อน รบกี่ครั้งก็ไม่ชนะ

    นายพงศ์พิสุทธิ์ ทองสุข 50410663 เลขที่ 22 G1

    ตอบลบ
  24. การวางแผนการสอนเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนสอน เพื่อให้การเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ โดยเริ่มต้นเขียนจากการวิเคราะห์เนื้อหาที่จะสอนเป็นอย่างแรก และกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้อย่างน้อย4-5ข้อ ต่อจากนั้นก็วางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้ครอบคลุมเนื้อหาและจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในตอนแรก รวมถึงกำหนดสื่อสำหรับใช้ในการเรียนด้วย สุดท้ายเป็นการวัดและประเมินผลโดยให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ต้องไว้ในตอนต้นประกอบกับมีความจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการวัดผลอีกด้วย.......



    นางสาวนัดดา เก๊าทอง
    ID.50411257 G6

    ตอบลบ
  25. แผนการสอนที่ดีนั้นต้องสอดคล้องกันระหว่างวัตถุประสงค์ เนื้อหา การจัดกิจกรรม สื่อการสอน ประเมินผล และ การสอนจะประสบผลสำเร็จได้นั้นดูได้จากกาวัดและประเมินผล จะต้องบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ก็ต้องเนื่องมาจาก เนื้อหา กิจกรรม และสื่อ ที่ผู้สอนจัดเตรียมนั้นมีความสอดคล้องกัน จึงวัดผลประเมินผลได้

    G1 นางสาวสุพรรษา สิงห์พุฒ 50410960

    ตอบลบ
  26. หลังจากที่ฟังเพื่อนๆบรรยายนั้น

    การที่การเรียนการสอนจะประสบผลสำเร็จนั้น นอกจากจะมีแผนการสอนที่ดีแล้ว ตัวอาจารย์ผู้สอนต้องเตรียมความพร้อมให้เรื่องที่จะสอน และมีความรู้ที่แน่นและถูกต้องด้วย เพราะแผนการสอนจะเป็นแค่แผนการหรือกำหนดเฉยที่ให้ผู้สอนปฏิบัติตาม ฉะนั้นตัวผู้สอนจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมด้วย!

    ตอบลบ
  27. นายพลวิชญ์ วัยวุฒิ 50410694 (G1)

    ตอบลบ
  28. จากการนำเสนอเนื้อหาที่นำเสนอละเอียด ครบถ้วนดีค่ะ

    ดิฉันคิดว่า ใน เรื่อง การเตรียมตัวในการจัดทำโครงการสอนนั้นสำคัญมาก...เพราะเมื่อเราเตรียมแผนการสอนดีก็จะเป็นผลดีต่อการจัดการเรียนการสอน ทำให้การเรียนการสอนนั้นบรรลุเป้าหมายและตรงตามความต้องการของทั้งผู้สอนและผู้รียน ซึ่งเราสามารถนำความรู้ในเรื่องนี้ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของเราได้ในอนาคต

    พัสตราภรณ์ คำจันทร์ รหัส 50411288 (G7)

    ตอบลบ
  29. ~~! นอกจากการเรียนการสอนจะต้องประกอบไปด้วย โครงการสอน แผนการสอน ผู้สอน ผู้เรียน สื่อ สภาพแวดล้อมฯลฯ แล้ว นักเรียนคือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด การเตรียมแผนการสอนไปสอนก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแผนป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุจุดประสงค์ แต่ในการเรียนการสอนจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้เรียนด้วยในแต่ละกิจกรรมของครูผู้สอน ~~!

    นางสาวอลิษา หาดนิล 50411332 (G5) ค่ะ^^

    ตอบลบ
  30. สนใจประเด็นเรื่อง ลักษณะของแผนการสอน 2ขั้น ซึ่งมีความคิดเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่เราต้องมีความรู้ความเข้าใจมากพอสมควร เพราะมันเป็นตัวที่ทำให้การสอนของเราบรรลุเป้าประสงค์ที่วางไว้ เริ่มจากขั้นที่ 1 จัดทำเป็นกำหนดการสอน เราต้องวิเคราะห์คำอธิบายรายวิชาก่อนว่าเราจะสอนเรื่องอะไร อย่างไรบ้าง เป็นการวางแผนระระยาว ซึ่งการกำหนดแผนนี้จะเป็นตัวบอกกำหนดการอย่างคร่าวๆ เหมือนเป็นการเตือนความจำหรือประเด็นสำคัญๆที่จะสอนได้เป็นอย่างดี แล้วค่อยมาทำขั้นที่ 2 คือ จัดทำเป็นทำแผนการสอน เป็นการนำเอกสารจากการกำหนดการสอนมาเป็นแนวทางในการเขียนแผนให้ละเอียดขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนสอนจริง ส่งผลให้การสอนนั้นมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหานั้นและได้เรียนรู้ตรงตามหลักสูตรที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน

    เอมาพร หวลหอม (G3)
    ID 50411356

    ตอบลบ
  31. ไม่ระบุชื่อ3 ธันวาคม 2552 เวลา 01:37

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  32. ไม่ระบุชื่อ3 ธันวาคม 2552 เวลา 01:38

    ความสำคัญของการวางแผนการสอน

    การวางแผนการสอนจะทำให้ทราบว่า จะต้องสอนไปในลักษณะใด ขอบเขตของเนื้อหาไปไหนถึง รวมไปถึงการวัดและประเมินผลอย่างไร คือเป็นการเตรียมการสอนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวผู้เรียนและผู้สอนมากที่สุด และยังส่งผลให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อวิชาที่เรียน เนื่องจากเรียนด้วยความเข้าใจ ผู้สอนก็สอนด้วยความมั่นใจตามที่ได้วางแผนมา


    นางสาวกรรณิกา ค่วงคำ
    50411202 G7

    ตอบลบ
  33. ... กำหนดรูปแบบของแผนการสอน...
    คิดว่า..ครูถ้ากำหนดแผนการสอนก่อนทำการสอนจะทำให้ครูไม่สับสนในการสอนจะได้รู้เป้าหมายที่ว่างไว้อย่างถูกต้อง และรู้ว่าครูควรที่จะทำอะไรและจะต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง ถ้ายิ่งเป็นครูใหม่ด้วยถ้าไม่กำหนดแผนการสอนก็จะทำให้เวลาสอนไปเด็กอาจไม่รู้เรื่องหรือสับสนกับกิจกรรมอาจทำให้ไม่บรรลุจุดประสงค์ก็ได้ แล้วถ้าครูลืมเทคนิคในการสอนก็จะสามารถมาดูแผนการสอนที่วางไว้ได้ และยังเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมด้วย


    นางสาวยุพาวดี มหาหิง
    G3 ID 50410779

    ตอบลบ
  34. จากที่ได้ฟังการบรรยาย สนใจประเด็น " วิธีสอนที่เหมาะสม "
    ครูผู้สอนควรพิจารณาถึงวิธีการสอนที่เหมาะสมซึ่งตามที่ฟังบรรยายคือ

    - เหมาะสมกับผู้สอน
    - เหมาะสมกับเนื้อหาวิชา
    - เหมาะสมกับผู้เรียน
    - เหมาะสมกับเวลาและอุปกรณ์การสอน
    - ให้ประสบการณ์ที่มีความหมายแก่ผู้เรียน

    เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี ครูจึงควรเลือกวิธีการสอนที่เหมาะสม ไม่ใช่สอนตามใจตัวเอง เพราะวิธีสอนที่ตนเองชอบ อาจจะไม่เหมาะสมก็เป็นได้
    อีกประเด็นหนึ่งคือครูควรตระหนักอยู่เสมอว่า อะไรคือสิ่งที่ครูต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการสอนครั้งนั้น ไม่ใช่ว่าสอนแบบไม่มีจุดหมาย

    สิริญญา ทิพย์ชาญ G3
    50410908

    ตอบลบ
  35. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  36. สนใจประเด็น เลือกวิธีสอนที่เหมาะสม(กิจกรรมการเรียนการสอน)
    ที่เหมาะสม

    การเรียนการสอนนั้นครูจะต้องมีการกำหนดรูปแบบการสอนให้เหมาะสมทั้งเวลาและอุปกรณ์ และกิจกรรมในการสอนนั้นจะต้องทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้มากที่สุด และต้องเหมาะสมกับวัยของผู้เรียนด้วย ที่สำคัญคือต้องสอดคล้องกับเนื้อหา และตรงตามวัตถุประสงค์ในการเรียน
    เพราะฉะนั้นครูคือบทบาทสำคัญที่จะกำหนดว่าจะเลือกวิธีการสอนแบบใดให้ผู้เรียนเกิดความรู้มากที่สุด

    นายพงศ์พิสุทธิ์ ทองสุข 50410663 เลขที่ 22 G1

    ตอบลบ
  37. ไม่ระบุชื่อ3 ธันวาคม 2552 เวลา 03:58

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  38. ไม่ระบุชื่อ3 ธันวาคม 2552 เวลา 03:59

    "เจตคติที่ดีต่อผู้สอนและต่อวิชาที่เรียน" เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนการสอนแต่ละวิชา การที่จะทำให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีได้นั้น เริ่มจากการวางแผนการสอนที่ดีตามหลักการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การเตรียมการสอนอย่างรอบคอบตามแผนการสอนที่วางไว้ และเมื่อผู้สอน สอนด้้วยความพร้อม สอนด้วยความมั่นใจ คล่องแคล่ว ทำให้นักเรียนเข้าใจในบทเรียนอย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้เรียนเกิดความมั่นใจในครูผู้สอน และก่อให้เกิดเจตคติที่ดีต่อผู้สอน และวิชาที่เรียน ก็จะทำให้นักเรียนมีพฤติกรรม ความรู้ ความสามารถ ตามที่ผู้สอนได้ตั้งจุดประสงค์ไ้ว้


    นางสาวชุติมา ลัดนอก
    Id 50411240 G6 ^_^

    ตอบลบ
  39. ในมุมมองของผมนะครับการวางแผนการมีแผนการสอนนั้นเป็นสิ่งที่ดีเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการสอนในครั้งนั้นๆสำหรับตัวผู้สอนเอง องค์ประกอบต่างๆของแผนการสอนนั้นมีความสำคัญมากการวางแผนการสอนนั้นบางครั้งจะเป็นการลอกหรือcopy บ้าง บางครั้งไม่ได้มีการตั้งใจหรือออกแบบตามความต้องการของผู้สอนจริงๆ หรือสภาพนักเรียนของตนเองเลย เพียงแต่คำนึงว่าจะทำอย่างไรให้มีแผนการสอนเพื่อส่งหรือไว้เพื่อการประเมิน ผมอยากให้ประเด็นตรงนี้ทุกคนให้ความสำคัญนะครับ เพื่อทางออกที่ดีต่อการศึกษาไทย แผนการสอนมีไว้เพื่อเป็นแนวทางการสอนให้การเรียนการออกมามีประสิทธิผลมากที่สุด ไม่ใช้เพื่อทำเพราะมีใว้กันการประเมินเท่านั้นครับ

    ตอบลบ
  40. แผนการสอน

    แผนการสอนเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการสอน เพราะการมีแผนการสอนจะเปรียบเสมือนเป็นแนวทางในการจัดการเรียนเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ การที่เรามีแผนการสอนที่ดีจะทำให้การสอนนั้นมีความราบรื่น ตรงประเด็น และเนื้อหาครบถ้วนตามจุดประสงค์ที่วางไว้

    น.ส.สุมิตรา อันทะปัญญา
    50411325 G7

    ตอบลบ
  41. ความเข้าใจแผนการสอน

    ในการที่จะทำงานใด ๆที่จะให้ประสบการความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ในการสอนในการจัดการเรียนการสอนก็เหมือนกัน การที่จะดำเนินการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ผู้สอนจะต้องมีกำหนดการสอนและเตรียมการสอนไว้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้สอนจะต้องจัดเตรียมก่อนการสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็คือ แผนการสอน สำหรับใช้สอนเรื่องนั้น ๆ ที่ควรจะมีการออกแบบให้เหมาะสมกับผู้เรียน สภาพแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรที่มีอยู่ แผนการสอนที่ดีควรมีองค์ประกอบที่เหมาะสม มีขั้นตอนการจัดเตรียมและมีการปรับปรุงอยู่เสมอแผนการสอนใช้สอนในส่วนใดของวิชา ที่สำคัญแผนการสอนควรที่จะง่ายต่อการใช้งานของตัวผู้สอนเองด้วย เพราะถ้าทำแผนการสอนออกมาได้ดีแต่ผู้สอนนำมาใช้หรือทำความเข้าใจกับแผนการสอนผิดไปก็จะทำให้การสอนไม่มีประสิทธิภาพและทำให้การจัดการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างไร้ทิศทางได้


    อัจฉริยา บุญยืน 50411349 G5

    ตอบลบ
  42. แม้การเตรียมแผนการสอนจะเป็นสิ่งที่ครูทุกคนจำเป็นต้องทำ แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้เพื่อนๆทุกคนที่จะจบไปเป็นครูนึกถึงคือการพัฒนาตนเอง เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในห้องเรียน ผู้เรียนจะมีคำถามอะไรที่นอกเหนือจากแผนที่เราเตรียมไว้ หากเรายิ่งพัฒนาตนเองทั้งในด้านทักษะ ความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยีต่างๆที่เปลี่ยนไปแทบจะทุกวัน นอกจากจะทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ที่เท่าทันโลกแล้ว ยังเป็นการสร้างเสริมความเป็นผู้นำให้ด้านความรู้ต่างๆให้แก่ตนเองอีกด้วย

    ตอบลบ
  43. จากข้อความที่ว่า "ครูควรพิจารณาถึงกิจกรรมที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบัติเป็นสำคัญ เพราะต้องการสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มิใช่สอนตามใจครู"

    ผมคิดว่า ในส่วนตรงนี้น่าจะเป็นประเด็นสำคัญในการจัดการเรียนการสอนหรือการจัดแผนการสอนในรายวิชานั้น ๆ เพราะในสิ่งที่เราจะจัดนั้นต้องเน้นในส่วนของตัวผู้เรียนมากกว่าตัวผู้สอน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหรือการเรียนการสอนก็ตามสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้นั้นจะต้องได้เกิดการเรียนรู้สูงสุด ถึงจะดูได้ว่าการจัดการเรียนการสอนนั้นประสบความสำเร็จต่อตัวผู้เรียนสูงสุด



    50410670 พงษ์ศักดิ์ วิมุติ G6

    ตอบลบ